– ความกว้าง ความยาวของพื้นห้อง ขนาดและตำแหน่งของประตูหน้าต่าง เป็นต้น
– วาดเฟอร์นิเจอร์ที่มีในห้อง แยกออกเป็นชิ้น ให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง โดยอาจเลือกทำเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ อย่างเช่น เตียง ตู้ โซฟา เป็นต้น
– ตัดภาพเฟอร์นิเจอร์นั้นออกมา แล้วลองจัดวางลงบนกระดาษที่วาดเป็นผังห้องเพื่อดูว่าการจัดวางในลักษณะไหนจะเหมาะสมที่สุด
– เมื่อเลือกแบบที่ต้องการได้แล้ว ก็ให้พกผังไว้ กรณีที่ต้องการซื้อของเพิ่มเติมก็ให้นำแปลนนี้ติดไปด้วย
– ก่อนที่จะเริ่มลงมือ ควรลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก่อน ดูว่าต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ หรือเครื่องไม้เครื่องมืออะไรบ้าง
– รวบรวมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ให้ครบ ก่อนที่จะลงมือทำ
– เริ่มจากการทำความสะอาด จัดตู้ เก็บของใต้เตียง และที่รก ๆ ที่อื่นในห้อง
– พวกเฟอร์นิเจอร์เก่า เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ที่ไม่ใช้แล้ว หากสภาพดี ก็ให้นำไปบริจาค หรือหากใช้ไม่ได้แล้ว ก็ทิ้งไป อะไรที่ไม่เคยหยิบจับขึ้นมาใช้นานเป็นปีแล้ว ก็ไม่ควรเก็บไว้ให้รกบ้าน
– ของทุกสิ่งที่ยังต้องการใช้อยู่ ให้นำเข้าที่ให้ครบทุกชิ้นก่อนที่จะเพิ่มชิ้นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่เข้าไป
– ใส่สเกิร์ตให้กับเตียงนอน จะทำให้สามารถเก็บของเอาไว้ใต้เตียงได้ โดยไม่ดูรกตา
– พวกโต๊ะหัวเตียง ลองเปลี่ยนเป็นพวกที่มีลิ้นชัก หรือมีที่เก็บของเป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บของให้ด้วย
– ติดที่แขวนของหลังประตู
– พยายามใช้พื้นที่ในแนวตั้งให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
– เลือกว่าจะใช้พื้นที่ตรงไหน สำหรับเก็บอะไร ที่ลังเก็บของก็ให้เขียนป้ายติดไว้ว่าเป็นลังสำหรับเก็บอะไร เพื่อจะได้ไม่เก็บของปนกันไปหมด
– ลังใส่ของต้องจัดเก็บให้เป็นที่ อาจจะวางไว้ล่างสุดของชั้นวางของก็ได้ เพื่อให้มองเห็นง่าย หยิบใช้สะดวก โดยลังใส่ของเหล่านี้ อาจจะเลือกแบบที่สวยงาม หรือตกแต่งด้วยตัวเองก็ได้
– ไม่วางกระจกให้ส่องมายังเตียงนอน
– สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ด้วยการใช้เทียนหอม สเปรย์ หรือน้ำมันหอมระเหย โดยกลิ่นที่เหมาะสำหรับใช้ในห้องนอนก็คือ กลิ่นลาเวนเดอร์ เพราะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ และลดความดันโลหิต
– เลือกโคมไฟที่มีแสง LED แบบนุ่มนวล ประมาณ 40-60 วัตต์
– ใช้สี ช่วยสร้างบรรยากาศ โดยเลือกของตกแต่ง ที่มีสีสันสดใส อาทิ โคมไฟ แจกัน ปลอกหมอน จะไปได้ดีกับหลอดไฟในโทนอุ่น แต่ต้องระวัง อย่าให้สีจัดเกินไป เพราะจะไม่เหมาะสำหรับห้องนอน
1. เริ่มจากการหาของฟรีก่อน อาจจะลองหาจากบ้านเพื่อน บ้านญาติ ของบางอย่างที่เขาไม่ได้ใช้แล้ว เราก็อาจจะใช้ได้ แต่ควรมีข้อพิจารณาดังนี้
– เลือกหาเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยไม้จริง เพราะสามารถทำให้ดูใหม่ขึ้นมาได้
– ถ้าเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาอยู่ในสภาพที่ดูดีพอควรแล้ว ก็ทำความสะอาด ขัดด้วยกระดาษทราย แล้วทาเคลือบเนื้อไม้ ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทาสีใหม่ให้ยุ่งยาก
2. ลองเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ตามร้านขายของมือสอง เพราะบ่อยครั้ง ที่เราจะเจอของที่ถูกใจ ในราคาที่ไม่แพง
3. วอลล์เปเปอร์เก่า ก็สามารถนำมาใช้ตกแต่งอุปกรณ์อย่างอื่นได้ เช่น นำไปตกแต่งโคมไฟ นำไปตกแต่งแจกัน นำไปปูพื้นชั้นวางของ หรือแม้กระทั่งปูพื้นให้ลิ้นชัก
4. ลองย้ายของสลับไปมาระหว่างห้องบ้างก็ได้ เช่น ย้ายชั้นวางหนังสือเข้าไปไว้ในห้องนอน เปลี่ยนปลอกหมอนอิง สลับพรมปูพื้น การย้ายของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ก็ทำให้สนุกสาน ไม่น่าเบื่อได้เช่นกัน
1. ทำหมอนอิงด้วยตัวเอง โดยหมอนอิงนี้ ทำง่าย และสามารถใส่ลูกเล่น ใส่สีสันที่สดใสเข้าไปได้ วัสดุที่นำมาใช้ ก็อาจะเป็นเสื้อเชิ้ตเก่า หรือผ้าปูที่นอนเก่า ก็ได้
2. ทำม่านด้วยตัวเอง ม่านส่วนใหญ่นั้นมีราคาแพง ยิ่งสั่งทำก็ยิ่งแพง แต่เราสามารถหาผ้าที่ถูกใจ มาทำได้ด้วยตัวเองเช่นกัน และปัจจุบัน ก็มีอุปกรณ์ DIY ทั้งตัวขอ ทั้งที่แขวน ซึ่งจะช่วยให้งานง่ายขึ้นมาก
3. จัดแจกันดอกไม้ด้วยตัวเอง ดอกไม้ก็อาจจะเป็นดอกไม้สดที่ตัดมาจากสวน หรือดอกไม้ประดิษฐ์ ก็ได้
4. ทำที่แขวนเครื่องประดับ โดยอาจจะใช้แจกัน กับกิ่งไม้ง่าย ๆ เสียบกิ่งไม้ลงในแจกัน แล้วใช้เป็นที่แขวนเครื่องประดับอย่างสร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ก็เป็นทางเลือกที่สวยแปลกไม่เหมือนใคร
5. แขวน หรือติดของบนผนังห้องบ้างก็ได้เช่น แขวนปฏิทิน รูปภาพ ภาพวาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ บางครั้งก็ไม่จะเป็นต้องใส่กรอบ
6. ลองหาไอเดียของประดิษฐ์ของแต่งบ้านเก๋ ๆ จากในอินเทอร์เน็ต แล้วลองทำดูบ้าง จะได้ชิ้นงานแปลก ๆ ที่น่าสนใจอีกไม่น้อยเลย