ต้นไม้ที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน
เมื่อพิจารณาถึงพื้นที่ที่มีให้ใช้ ควรคำนึงถึงพื้นที่ที่มีอวัยวะเพียงพอสำหรับต้นไม้เจริญเติบโตได้ ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงแต่มีพื้นที่จำกัด ส่งผลให้ต้นไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่
การพิจารณาแสงแดดที่เข้าถึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกต้นไม้ เพราะมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ต้นไม้ที่ต้องการแสงมากควรได้รับแสงแดดเพียงพอในวันละ 6-8 ชั่วโมง ในขณะที่ต้นไม้ที่อยู่ในที่แสงน้อยก็จำเป็นต้องได้รับแสงส่วนมากจากหลอมอย่างของแสง
ความชื้นในอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ ความชื้นมากเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลให้ต้นไม้เจริญที่ไม่ดี ดังนั้นควรระมัดระวังในการเลือกต้นไม้ที่มีความต้องการด้านความชื้นที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของบ้าน
นอกจากนี้ยังควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์การปลูกต้นไม้ด้วยว่าต้องการต้นไม้ตกแต่งหรือต้นไม้ปรับปรุงคุณภาพอากาศ โดยการเลือกต้นไม้ที่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะทำให้การดูแลและการรักษาต้นไม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ท้ายที่สุด การเลือกต้นไม้ในบ้านที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ จะทำให้เข้าใจการเลือกต้นไม้ที่ใช้การดูแลและรักษาได้อย่างถูกต้องและต้นไม้จะเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และมีสุขภาพดีอย่างมั่นคง
10 ต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ช่วยดูดสารพิษ คืนอากาศบริสุทธิ์ให้แก่ห้องนอนของคุณ
10 สุดยอดต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ช่วยดูดสารพิษ
จากการศึกษาขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) และ Associated Landscape Contractors of America (ALCA) พบว่า ต้นไม้ประดับต่างๆ ที่รู้จักกันดีนี่แหละ ที่เป็นตัวช่วยในการฟอกอากาศให้มีความบริสุทธิ์และกำจัดมลพิษต่างๆ อย่าง สารฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซิน คาร์บอนมอนอกไซด์ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะต้นไม้ฟอกอากาศเหล่านี้
1. ปาล์มไผ่ (Bamboo Palm)
ต้นไม้ฟอกอากาศ
สร้างอารมณ์พักผ่อนที่ชายหาดในช่วงซัมเมอร์ให้กับบ้านด้วย “ปาล์มไผ่ (Bamboo Palm)” ต้นไม้ฟอกอากาศ ใบเรียวยาวคล้ายต้นมะพร้าว ที่มีความทนทานปลูกง่าย ชอบแสงแดด ต้องการการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ (สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง) และใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำเจือจางเดือนละ 1 ครั้ง โดยสามารถวางไว้ในห้องนอนที่ดูสบายๆ เป็นธรรมชาติช่วยให้ห้องมีความมินิมอลมากยิ่งขึ้น
2. เฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)
ต้นไม้ฟอกอากาศ
คุณสมบัติของ “เฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)” ในการดูดสารฟอร์มาลดีไฮด์และเชื้อราซึ่งถือเป็นหนึ่งในมลพิษภายในบ้าน และลักษณะภายนอกที่ดูสวยงามเป็นพุ่มเล็กๆ น่ารักมีชีวิตชีวานี้เอง ที่ทำให้ต้นไม้ฟอกอากาศชนิดนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตัวต้นไม้ต้องการการดูแลรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น และใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำเจือจางเดือนละ 1 ครั้ง
3. มอนสเตอร่า (Monstera)
ต้นไม้ฟอกอากาศ “มอนสเตอร่า (Monstera)” ได้รับฉายาว่า ราชินีใบไม้ มีจุดเด่นเป็นใบขนาดใหญ่ โคนใบเว้าลึกเป็นรูปหัวใจแปลกตา แถมยังมีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษอันตรายต่างๆ ในอากาศ มีการดูแลที่ไม่ยาก โดยการวางไว้ในบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง รดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือมากน้อยตามความชื้นในอากาศเพื่อใบที่เขียวสวยงาม แต่ไม่ควรมีการเคลื่อนย้ายบ่อย มิเช่นนั้นอาจทำให้ต้นมีการเติบโตที่ช้าลงได้
4.ฟิโลเดนดรอน เซลลอม (Selloum Philodendron)
ต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนเรียกได้ว่าโด่งดังไปทั่วประเทศกับต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน “ฟิโลเดนดรอน เซลลอม (Selloum Philodendron)” เพราะความเลี้ยงง่ายแสนง่าย อีกทั้งยังสามารถอยู่ได้ทุกสภาพอากาศและทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะแสงเยอะหรือน้อยแค่ไหน ก็เติบโตได้ดีไม่แพ้กัน เพียงแค่รดน้ำให้พอชุ่มชื้น ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำเจือจางเดือนละ 1 ครั้ง ก็ทนทานมากพอแล้ว
5.ดราแคนน่า (Dracaena)
ต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน
“ดราแคนน่า (Dracaena)” หรือ “ต้นวาสนา” ต้นไม้ในห้องนอนอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ นอนหลับสบาย ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เป็นได้ทั้งไม้ประดับและ ต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน ที่ทำให้สุขภาพของผู้อยู่อาศัยดีขึ้น ซึ่งการดูแลก็ง่ายๆ ด้วยการตั้งบริเวณที่มีแดดรำไร รดน้ำเป็นประจำไม่ให้ดินแห้ง แต่ข้อจำกัดของต้นไม้ชนิดนี้คือ ถ้าหากคุณมีสัตว์เลี้ยง ไม่ควรปลูกภายในบ้านเพราะพวกมันเป็นพิษต่อสุนัขและแมวนั่นเอง
6.ลิ้นมังกร (SNAKE PLANT)
ต้นไม้ฟอกอากาศถ้าหากจะพูดถึงต้นไม้ที่สวยงาม หลายคนก็คงจะนึกถึงต้นไม้ชื่อเป็นมงคลอย่าง “ลิ้นมังกร (Snake Plant)” มีลักษณะใบที่สวยงามเรียวยาวคล้ายหอก ซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งบริเวณร่มและมีแดด มีคุณสมบัติในการดูดคาร์บอนไดออกไซด์ และคายออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืน จึงเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศที่ควรปลูกไว้ภายในห้องนอน โดยการดูแลรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
7.ไอวี่ อังกฤษ (English ivy)
ต้นไม้ฟอกอากาศ
“ไอวี่ อังกฤษ (English ivy)” หรือชื่อเรียกภาษาไทยว่า “ตีนตุ๊กแกฝรั่ง” ถือเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่องค์กรนาซายืนยันว่า สามารถช่วยฟอกอากาศได้ดีที่สุด เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซับสารฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งสามารถพบได้ในน้ำยาทาเล็บของสาวๆ อีกทั้งยังมีการดูแลไม่ยาก ด้วยการรดน้ำ 3 วันต่อ 1 ครั้ง หรือเมื่อดินแห้งสนิท โดยสามารถตกแต่งไว้ในบริเวณที่มีร่มเงาหรือมีแสงในระดับปานกลาง เป็นต้นไม้ที่นิยมตกแต่งบ้านในแถวทวีปยุโรป
8.ลาเวนเดอร์ (Lavender)
ต้นไม้ฟอกอากาศ เชื่อไหมว่า “ลาเวนเดอร์ (Lavender)” ต้นไม้ที่หลายคนคุ้นเคย ก็มีข้อดีในการฟอกอากาศในห้องนอนให้บริสุทธิ์ไม่แพ้ต้นไม้อื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ ยังมีเอกลักษณ์เป็นกลิ่นหอมที่มีคุณสมบัติในการช่วยไล่ยุงหรือแมลง บรรเทาอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ลดความเครียด ความกังวล ภาวะนอนไม่หลับ ซึมเศร้า และทำให้จิตใจสงบได้ ซึ่งการดูแลก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย อีกทั้งยังต้องการแสงที่ไม่เยอะมากเท่าไรอีกด้วย
9.ต้นยางอินเดีย (Rubber Plant)
ต้นไม้ฟอกอากาศ“ต้นยางอินเดีย (Rubber Plant)” อีกหนึ่งต้นไม้ที่หลายคนเลือกปลูก เพราะมีลักษณะใบสีเขียวเข้มเงาเป็นวงรีสวยงาม สามารถวางตัดในห้องนอนสีขาวได้ลงตัว และยังเติบโตง่าย ทนทาน ไม่ต้องดูแลมากเท่าไรนัก เพียงแค่รดน้ำเป็นประจำ ตั้งไว้บริเวณที่โดนแสงแดด ซึ่งเจ้าตัวต้นยางอินเดียก็มีคุณสมบัติในการกำจัดสารพิษ รวมถึง เปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นออกซิเจนเช่นเดียวกับต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนอื่นๆ
10.เดหลี (Peace Lily)
ต้นไม้ฟอกอากาศต้นไม้ในบ้านที่มีความเป็นสิริมงคลอย่าง “เดหลี (Peace Lily)” ก็เป็นอีกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเช่นเดียวกัน เพราะความเชื่อที่ว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีโชคลาภ มีอายุยืน และปัดเป่าอันตราย ซึ่งใบของต้นเดหลีจะมีลักษณะมันวาวสีเขียวเข้ม และช่วยดูดซับสารพิษและเปลี่ยนห้องนอนให้หอมสดชื่น โดยคุณจำเป็นต้องดูแลรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น
สรุป
หลังจากที่ได้รู้จักกับสุดยอดต้นไม้ฟอกอากาศทั้ง 10 ชนิดไปแล้ว ก่อนที่จะทำการเลือกประดับตกแต่งต้นไม้ต่างๆ แต่ละชนิดภายในห้องนอน ก็ลองอ่านข้อควรรู้และสิ่งที่ควรพิจารณาเหล่านี้ให้ดีเสียก่อน
1.ควรเลือกต้นไม้ CAM Plant (Crassulacean Acid Metabolism Plant)
ต้นไม้ CAM Plant หรือ พืชกลางคืน เป็นต้นไม้ที่จะมีกระบวนการหายใจแตกต่างกับต้นไม้ปกติทั่วไป ตัวลำต้นจะมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องรดน้ำอยู่เป็นประจำ มีใบน้อยเพื่อลดการคายน้ำ โดยในตอนกลางคืน พืชประเภทนี้ก็จะเปิดปากใบเพื่อเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้ในการสังเคราะห์แสงในตอนเช้า
2.พิจารณาความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม และข้อมูลพันธุ์ไม้
ก่อนตัดสินใจปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไม้นั้นๆ เพื่อการดูแลรักษาต้นไม้ที่เหมาะสมและความปลอดภัยของสมาชิกภายในบ้าน เพราะต้นไม้แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ควรพิจาณาถึงสุขภาพส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัว ที่ต้นไม้บางชนิดอาจส่งผลในทางลบได้ เช่น โรคภูมิแพ้ เป็นต้น
ในปัจจุบัน ด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานที่อาจก่อให้เกิดความเครียดกับคนรุ่นใหม่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนหรือในตัวบ้านนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในการปรับแต่งที่อยู่อาศัย เพื่อสร้างความสุขและความผ่อนคลายในการใช้ชีวิตของทุกคนได้มากยิ่งขึ้น
อ้างอิง https://www.apthai.com/th/blog/living-series/designanddecor-air-purifying-plants-for-bedroom